วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผีถ้ก้วามเชื่อที่อย่าริลองของ

          ถ้ากล่าวถึงความเชื่อในเรื่องวิญญาณ สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น คนเราก็มักจะให้ความสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย พยายามที่จะเสาะหาวิธีการต่างๆ ที่จะนามาซึ่งการติดต่อสื่อสารกับสิ่งเหล่านั้น หนึ่งในวิธีการนั้นคือ "การเล่นผีถ้วยแก้ว"
        ในบล็อกนี้ผุ้เขียนจะขอนำเรื่อง "ผีถ้วยแก้ว" มาเขียน ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ ผีถ้วยแก้ว คืออะไร? แล้วจะติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้อย่างไร? เราไปดูกันเลยย

ผีถ้วยแก้ว เป็นการเล่น เพื่ออัญเชิญวิญญาณหรือผี มาสถิตในถ้วยแก้ว และสอบถามเรื่องราวต่างๆ กับวิญญาณ ตามที่แต่ละจุดประสงค์ของผู้เล่น ผู้เล่นจะทราบคำตอบของคำถาม จาการเคลื่อนที่ของถ้วยแก้วไปบนตัวอักษรที่เขียนเอาไว้บนแผ่นกระดาษ                       (ที่มา:https://board.postjung.com/852719.html)


          าสตร์เล้นลับเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างวิญญาณกับมนุษย์ ถือเป็นเรื่องราวที่มนุษย์พยายามค้นหาคำตอบ และทดลองเล่นกันมาอย่างยาวนาน การเล่นผีถ้วยแก้วถือว่าเป็นการทดลองความกล้า และเผชิญหน้าความกลัวเพื่อหวังจะพิสูจน์เรื่องราวลึกลับที่ยังไม่มีใครรู้คำตอบ
(ที่มา :http://xfile.teenee.com/tamnan)
          ท่านผู้รู้เกจิ อาจารย์ท่าหนึ่ง เมื่อถามถึงเรื่อง ผีถ้วยแก้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ท่านตอบว่า เป็นเรื่องจริง แต่ เพราะผี หรือวิญญาณที่เข้ามาสิงอยู่ในถ้วยแก้วนั้น จะเป็นผีเร่ร่อน เพราะฉะนั้นบางครั้ง บางคราวอาจจะตอบไม่ตรงคำถาม   บางทีการที่จะเชิญวิญญาณใด วิญญาณหนึ่งมานั้น จะถูกวิญาญาณมาสวมรอยแทน ก็อยากให้พึงสังวรณ์ไว้  การเรียกดวงจิต  วิญญาณ การสื่อสาร ก็เหมือนกับการที่เราคุยโทรศัพท์ไปหาใครสักคนหรือไปเคาะประตูบ้านใครสักคน ถ้าเจ้าของอยู่ที่ต้นสายปลายทาง อยู่แน่นอน ย่อมมีการรับสาย หรือเปิดประตูมาต้อนรับ และพร้อมที่สนทนาด้วยแน่นอน ด้วยการกระทำอันบริสุทธิ์ก็เป็นที่น่ายินดี และน่าสนุกไปกับการสื่อสาร  แต่เมื่อใด ถ้าเป็นผู้อื่นมารับก็ควรระวังไว้ให้ดี !! (ที่มา :https://board.postjung.com/852719.html)

ตำนานของผีถ้วยแก้วตามหลักพระพุทธศาสนา
          ในคำสอนตามคำภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า จิตของมนุษย์นั้นจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ในเวลาที่เราคิดเรื่องใด ๆ ก็ตาม จะมีกระแสจิตกระจายออกมารอบ ๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ทำสมาธิจนสำเร็จฌาน สมาบัติ หรือได้สำเร็จวิชา "เจโตปริยญาณ" (หยั่งรู้วาระจิต) จะสามารถรับรู้กระแสความคิดของคนทุกคนได้
        ซึ่งธรรมชาติของกระแสความคิดนี้มีทั้งในมนุษย์และสัตว์ทั่วไปด้วย ผู้ที่รับรู้กระแสความคิดของมนุษย์ได้นี้ นอกจากผู้ได้สำเร็จวิชาเจโตปริยญาณแล้ว ก็ยังมีพวกเทพ เทวดา ต่าง ๆ ด้วย รวมไปถึงพวกวิญญาณทั้งหลาย ที่ยังเร่ร่อนอยู่ในมิติที่ละเอียด ซึ่งตาของมนุษย์ธรรมดาจะไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งพวกเหล่านี้จะสามารถรับรู้กระแสความคิดของมนุษย์ได้เช่นกัน         
อุปกรณ์การเล่นผีถ้วยแก้ว
- กระดาษขาวสำหรับเขียนตารางตัวอักษร
- ถ้วยแก้วขนาดเล็ก
- ธูป เทียน
- เครื่องเซ็น
วิธีการเล่น
          หากต้องการให้การเล่นสัมฤทธิ์ผลดียิ่งขึ้น ควรหาผู้เล่นคนใดคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษทางใจ คือมีsense หรือมีญาติสายตรงที่เป็นคนทรง มาร่วมในการเล่นด้วย จะช่วยให้สื่อกับดวงจิตนั้นๆได้ง่าย 
และผู้ที่มาสื่อด้วยจะไม่เหนื่อย มีพลังมาก เลื่อนแก้วได้ไว 
          ผู้เล่นควรมีประมาณ ๔ คน กำลังพอดี นอกนั้นให้นั่งดูอยู่รอบๆกระดาน ร่วมซักถามพูดคุยได้ 
          ก่อนเล่น ให้จุดธูป ๗ หรือ ๙ ดอก บอกกล่าวกับท่านเจ้าที่เจ้าทาง 
ขออนุญาตอันเชิญดวงจิตดวงวิญญาณมาร่วมพูดคุยกับเราก่อน เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าของสถานที่ 
หากกรณีที่ไปเล่นในสถานที่ที่เสี่ยง หรือไม่มั่นใจในความปลอดภัยจากบางสิ่งบางอย่าง ให้จุดธูป ๔ ดอก  อธิษฐานขอบารมีจากท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ช่วยปกป้องคุ้มครอง แล้วปักตามทิศ ๔ ทิศรอบวงที่เล่น 
          แก้วที่ใช้ ให้ใช้แก้วเล็กๆ ใส น้ำหนักพอประมาณ ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป เช่น แก้วเป๊กเหล้า 
          เวลาแตะขอบแก้ว ให้เริ่มแตะจากคนที่จุดธูปอันเชิญ ทีละคน วนตามเข็มนาฬิกา 
เมื่อแตะแก้วครบแล้ว ให้กล่าวคาถา ๔ พยางค์ "พุท โธ ธา ยะ" 
เริ่มจากคนที่จุดธูปอันเชิญ ว่า พุท คนที่สองว่า โธ คนที่สาม ว่า ธา คนที่สี่ว่า ยะ วนตามเข็มนาฬิกา จนครบ 3 จบ  แล้วให้ผู้ที่จุดธูปกล่าวอันเชิญอีกครั้ง  หากเชิญสาม-สี่ครั้งแล้วแก้วไม่ขยับ ให้เชิญออก แล้วหงายแก้วได้เลย จากนั้นให้หักธูปเสีย 
          ภายใน ๒๔ ชั่วโมงก่อนวันที่จะเล่น ห้ามแตะต้องแอลกอฮอล์ เพื่อไม่ให้เป็นการลบหลู่ดวงวิญญาณ 
          เครื่องเซ่น หากมีได้ก็ดี เช่น อาหารคาวหวาน หมากพลู หากไม่มีก็ไม่เป็นไร 
          ในวันพระ หรือวันที่มีงานบุญใหญ่ การเล่นจะไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผล เนื่องจากดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายจะไปประชุมกัน 
หรือมีกิจธุระที่จะต้องทำตามหน้าที่ของแต่ละดวง จึงไม่อาจจะมาสนทนากับเราได้ 
          ขณะที่กำลังสนทนา หากแก้วเผยอ หรือหงายโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ให้เล่นต่อไปได้เลย แต่ขอให้เรากล่าวขออภัยดวงวิญญาณนั้นๆด้วย  ไม่ต้องกังวลว่าดวงวิญญาณจะเข้าสิง หรือตามไปทำร้าย 
ขอให้ระลึกไว้ว่า สิ่งไม่ดีทั้งหลายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราไม่ให้ความเคารพ ลบหลู่ดูหมิ่น ท้าทาย ไม่ให้เกียรติเรามาดี เขาก็มาดี ดวงวิญญาณที่มาสนทนากับเรา เขาไม่ได้เข้าไปสิงอยู่ในแก้วหรอกครับ เขาอยู่ใกล้ๆเรานั่นแหละ แค่ส่งพลังเข้าไปที่แก้วเท่านั้นเอง หากเมื่อย ต้องการขยับตัว หรือเอานิ้วออกจากแก้ว ก็ให้บอกกล่าว หรือขออนุญาตเขาด้วย เวลาสนทนาก็ให้สนทนาด้วยความสุภาพ ไม่เล่นหัวจนเกินไป 
          หากต้องการจะเลิก หรือเห็นว่าดวงวิญญาณนั้นเขาเหนื่อยแล้ว รบกวนเขามานานแล้ว 
ให้กล่าวเชิญออก โดยไปที่มุมใดมุมหนึ่งของกระดาน ขอบคุณเขา แล้วหงายแก้วได้เลย 
เมื่อเล่นเสร็จแล้ว หากเป็นไปได้ ให้เราไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วย
ข้อควรระวัง!! 

- อย่าให้ควันออกจากถ้วยแก้ว และ อย่าดึงมือออกในขณะที่ เล่นมิฉะนั้นวิญญาณที่อัญเชิญมาจะเข้าสิงคุณ!!! 
- อย่าเปิดถ้วยแก้วให้ขณะที่เล่น 
- ตั้งจิต สมาธิให้แน่วแน่และสำรวมด้วย ความบริสุทธิ์ใจ 
                    (ที่มา :https://picpost.postjung.com/230365.html)






          การเล่นผีถ้วยแก้วพึงระวังและสำเหนียกอยู่เสมอว่า เมื่อตัดสินใจที่จะเล่นสื่อสารกับวิญญาณบางสิ่งที่มองไม่เห็นตัวแล้วนั้นต้องระมัดระวังให้ดี ผู้เล่นควรจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีและมีจิตแน่วแน่ในการที่จะเรียนรู้และสื่อสารอย่างบริสุทธิ์ใจอย่าให้ถ้วยแก้วเปิดก่อนจบการเล่น เพราะเชื่อถือกันว่าวิญญาณจะอยู่ในถ้วยแก้วนั้นจนกว่า จะจบการเล่น ทั้งนี้และทั้งนั้นเมื่อวิญญาณที่ออกจากถ้วยแก้วไปแล้วอาจมีใจอยากติดต่อสื่อสารกลับมาบ้างหรืออาจมีมิตรใจที่ไปเยี่ยมเยือนเพื่อนสนิทที่ร่วมคุยร่วงสนทนานั้นบ้าง ผู้เล่นก็ควรจะเตรียมพร้อมและทำใจเพราะของอย่างนี้มันแล้วแต่กรณี






วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560


.....ตำนาน ผีจ้างหนัง.....

มาเปลี่ยนแนวกันสักหน่อย นอกจากกิน และเที่ยวแล้ว วันนี้จะขอนำเสนอเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตคนในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ผู้เขียนสนใจเกี่ยวกับ "ตำนานลึกลับเกี่ยวกับป่าคำชะโนด" ที่โด่งดังกับเสียงเล่าขานที่ว่าเป็น  "ผีจ้างหนัง" ตำนานจะเป็นมายังไง ไปหาคำตอบด้วยกันเถอะเลยย
(ที่มา : http://www.clipmass.com/story/68925)

          ป่าคำชะโนด หรือ เมืองชะโนด หรือ วังนาคินทร์คำชะโนด ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบลวังทอง, ตำบลบ้านม่วง และตำบลบ้านจันทร์ ใน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นป่าที่มีลักษณะเหมือนเกาะขึ้นอยู่กลางทุ่งนา เต็มไปด้วยต้นชะโนด ซึ่งเป็นพืชจำพวกปาล์ม ความยาวประมาณ 200 เมตร ป่าคำชะโนดเป็นสถานที่ ๆ ปรากฏในตำนานพื้นบ้าน เป็นสถานที่ ๆ เชื่อว่า เป็นที่สิงสถิตของพญานาคและสิ่งลี้ลับต่าง ๆ (ที่มา : http://www.clipmass.com/story/68925)

          ป่าคำชะโนดเป็นชื่อที่ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เนื่องจากบริเวณนั้นมีต้นชะโนด (อยู่ในตระกูลเดียวกับปาล์ม คล้ายๆ ต้นตาล ต้นหมาก หรือไม่ก็ต้นมะพร้าว แต่สูงกว่า) ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทิวชะโนดสูงเด่นเป็นสง่า แต่ที่น่าแปลกใจคือ หากพ้นจากดงชะโนดแห่งนี้ไป ห่างกันแค่ไม่ถึง 300 เมตร ก็ไม่มีต้นชะโนดปรากฏให้เห็นแม้แต่ต้นเดียว นี่เองจึงทำให้ผืนดินราว 20 ไร่ ถูกตั้งฉายาให้เป็นป่าแห่งชะโนดขนานแท้
          มีบ่อน้ำอยู่กลางดงชะโนด เป็นบ่อน้ำขนาดเล็กๆ แต่กลับมีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำประทานมาให้โดยพญานาคที่อาศัยอยู่ในบริเวณผืนป่า สำหรับบ่อน้ำในป่าคำชะโนด ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ชาวบ้านเชื่อกันอย่างนั้น มีหลายคนเคยลองอธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หลายคนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้าแทนที่จะหายป่วยไข้กลับทุกข์ทรมานซ้ำหนักกว่าเดิม เช่นเดียวกับใครที่อยากจะเข้าไปสัมผัสป่าลี้ลับคำชะโนดก็ต้องสำรวมและปฏิบัติตามข้อห้ามอื่นๆ เป็นต้นว่า ห้ามใส่รองเท้าทั่วทั้งบริเวณป่า หมวก แว่นตา ร่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ห้ามเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการดูถูกดูหมิ่นต่อผู้ปกปักรักษาผืนดิน        (ที่มา : http://horoscope.sanook.com/103709/)


                                              +++++++++++++++++++++
ตำนานป่าคำชะโนด
          มีพญานาคอยู่สองตนได้ปกครองเมืองหนองกระแส โดยครึ่งหนึ่งเป็นของ สุทโธนาค (พญาศรีสุทโธ) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของ สุวรรณนาค ทั้งสองปกครองเมืองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่มีข้อตกลงกันอยู่ว่า ถ้าเมื่อฝ่ายใดออกไปล่าสัตว์หาอาหาร อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน และเมื่อฝ่ายที่ออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาได้นั้น ให้นำมาแบ่งกันอย่างละครึ่ง

เมื่อถึงคราวสุวรรณนาคได้ออกไปล่าสัตว์หาอาหารได้เนื้อช้างมา จึงนำเนื้อช้างที่ได้แบ่งให้สุทโธนาค พร้อมทั้งนำขนของช้างไปยืนยันว่าเป็นเนื้อช้างจริง อีกครั้งที่สุวรรณนาคออกไปล่าสัตว์หาอาหารอีก ครั้งนี้ได้เม่นมาเป็นอาหาร จึงได้นำเนื้อเม่น และขนของเม่นไปมอบให้แก่สุทโธนาคเหมือนเช่นเคย แต่สุทโธนาคกลับแสดงความไม่พอใจ เพราะเมื่อดูจากขนของเม่นที่มีขนาดใหญ่กว่าขนของช้าง ปริมาณเนื้อที่ได้ก็ควรมีมากกว่าเนื้อของช้าง แต่ปริมาณเนื้อนั้นกลับมีน้อยกว่ามากนัก จึงคิดว่าสุวรรณนาคไม่มีความซื่อสัตย์ ฝ่ายสุวรรณนาคพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล จึงเกิดสงครามระหว่างสุทโธนาค และสุวรรณนาค
          พระอินทร์ได้ทราบเรื่อง จึงหาวิธีการที่จะทำให้พญานาคทั้งสองนั้นหยุดทำสงครามกัน โดยให้พญานาคทั้งสองสร้างแม่น้ำขึ้นคนละสาย ถ้าใครสร้างได้ถึงทะเลก่อนจะให้ปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำนั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส และด้วยความที่สุทโธนาคมีนิสัยใจร้อน เมื่อพบเจอภูเขากั้นทางแม่น้ำก็จะทำการหลบหลีก โค้งไปโค้งมา จึงเกิดเป็น แม่น้ำโขง (โค้ง) ส่วนทางฝ่ายสุวรรณนาคนั้น ได้ทำการสร้างแม่น้ำขึ้นทางทิศใต้ของหนองกระแส สุวรรณนาคมีความละเอียด และใจเย็น แม่น้ำที่สร้างขึ้นจึงมีความตรงกว่าแม่น้ำทุกสาย ได้แก่ แม่น้ำน่าน
          สุทโธนาคเป็นผู้ที่สร้างแม่น้ำได้เสร็จก่อน จึงมีปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้ขอทางขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองมนุษย์ไว้อีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ คำชะโนด ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ให้สุทโธนาค พร้อมบริวารสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ (พญาศรีสุทโธ) และตั้งบ้านเมืองปกครองอยู่ที่คำชะโนดได้เมื่อข้างขึ้น 15 วัน อีก 15 วันข้างแรม ให้กลายเป็นนาค อาศัยอยู่เมืองบาดาล (พญานาคราชศรีสุทโธ)


สุวรรณนาค 

พญาศรีสุทโธ
              

วามเป็นมาของคำชะโนดที่เกี่ยวกับพญานาค
          เหตุการณ์ที่ทำให้มีเสียงเล่าขานสืบต่อกันมาระหว่าง "คำชะโนด" และ "พญานาค" คือ ผีจ้างหนัง ซึ่งได้เล่าต่อๆกันมาว่า เป็นพญานาคที่แปลงกายมาเป็นมนุษย์ ได้ไปว่าจ้างหนังกลางแปลงให้ไปฉายที่หมู่บ้านวังทอง คำชะโนด ด้วยเงินจำนวน 4,000 บาท แต่มีข้อแม้คือต้องฉายให้จบในตี4 ของวันใหม่ และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง และที่สำคัญคือห้ามหันหลังกลับมามอง (ที่มา: http://horoscope.sanook.com/103709/)





          หนังเริ่มฉายตั้งแต่หัวค่ำ ไม่มีผู้คนมาดูเลย พอ 3 ทุ่ม มีคนมาดูจำนวนเยอะมาก แต่ที่แปลกก็คือ ผู้หญิงจะนุ่งขาวห่มขาวนั่งอยู่ด้านหน้า ส่วนผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีดำนั่งอีกข้าง และทั้งหมดก็นั่งกันสงบเรียบร้อยเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวตัวเลย ยิ่งกว่านั้นไม่ว่าจะฉายหนังอะไร ก็ไม่มีการส่งเสียงเอะอะเหมือนหนังกลางแปลงทั่วไป ฉายหนังบู๊ก็เฉย ฉายหนังตลกก็เงียบ แต่ที่น่าแปลกคือ ในงานไม่มีร้านขายของกินของใช้ แม้แต่ร้านขายบุหรี่ก็ไม่มี ซึ่งเรื่องราวทั้งหมด ถ่ายทอดไว้ในปี 2532 จากประสบการณ์ตรงของลูกน้องที่โดนผีจ้างหนังไปฉาย (ที่มา :http://horoscope.sanook.com/103709/)

          หลายปีผ่านมาแล้ว ดูเหมือนเรื่องเล่านี้ยังคงเป็นที่โจษขานสืบมา โดยเฉพาะในหมู่ชาว ต.วังทอง ผู้เชื่อมั่นและศรัทธาต่อผืนป่าเหตุการณ์ “ผีจ้างหนัง” จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามีอยู่จริง แม้อาจไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะสามารถพิสูจน์ได้

         ความเชื่อเรื่องพญานาคของคนที่นี่นั้นอาจไม่แตกต่างจากชาวหนองคายที่เชื่อว่าพญานาคมีจริง บั้งไฟพญานาคเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแห่งเมืองบาดาล ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ธรรมดาเหมือนเมื่อครั้งถูกนำเสนอผ่านหนัง รวมถึงสื่อทีวีบางช่องเมื่อหลายปีก่อน ชาวบ้านละแวกป่าคำชะโนดก็คล้ายกัน พวกเขาสร้างทางเดินที่เชื่อมจากโลกภายนอกกับผืนป่าอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไว้ด้วยรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร นอนเลื้อยยาวไปจนสุดทางเดินราว 300 เมตร เพื่อสะท้อนถึงพลังอำนาจและบารมีของพญานาครา
          กระทั่งในวันออกพรรษาขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านก็มีความเชื่อว่าเป็นวันที่พญานาคจะขึ้นมาหายใจ ดวงไฟสีแดงที่ผุดกลางบ่อน้ำแล้วลอยขึ้นท้องฟ้า (คล้ายๆ กับบั้งไฟพญานาคผุดกลางลำน้ำโขงที่ จ.หนองคาย) คือ ลมหายใจพญานาค ใครเห็นจะเป็นบุญของชีวิต  ป่าคำชะโนดยังมีเรื่องเล่าอีกนับไม่ถ้วนทั้งที่ชวนขนลุกและตื่นเต้น พญานาคมีจริงหรือเปล่าเป็นเรื่องนานาจิตตัง ความเชื่อส่วนบุคคลเพราะยากจะพิสูจน์ได้ (ที่มา :http://horoscope.sanook.com/103709/)
++++++++++++++++++
          เป็นอย่างไรกันบ้างครัชท่านผู้ชม พอจะขนลุกกันสักนิดหรือปล่าว ^^ และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่ได้กล่าวขานกันมานาน ทำให้สังคมไทยนั้นก็ยังคงเชื่อในเรื่องของพญานาคที่มีอยู่จริง ซึ่งก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัด 



(ที่มา :http://www.soccersuck.com/boards/topic/1312658)





วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ล้เข้ามากับวันหยุดอันน้อยนิด ใครๆก็อยากจะหาที่ผักผ่อนหย่อนใจ เที่ยวสบายๆชิวๆกันใช่ไหม แต่บางครั้งชวนเพื่อนไปด้วย ชวนคนนู้นคนนี้ไปด้วยก็โดนปฎิเสธทุกที (หญิงเซ็ง) จำเป็นก็ต้องนั่งดูทีวีที่บ้านวนไป
          เรามาเปลี่ยนความคิดกันเถอะ ไม่มีใครไปด้วย เราก็แบกเป้ไปคนเดียวสิครัช ง่ายจะตาย ไปคนเดียว กินคนเดียว ชิวๆคนเดียว ง่ายมาก เพียงแค่มีเงิน ^__^

ป้หนึ่งใบกะใจหนึ่งดว

          ใครที่กำลังหาที่พักผ่อนในวันหยุด เราขอแนะนำ ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.อุบลราชธานี ไม่ไกลจากจังหวัดศรีสะเกษมากนัก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เพลินตา สบายใจจริงๆ เรามาลองดูกันว่า เราจะไปชิวๆที่ ริมน้ำโขงกันได้อย่างไร ไปกันเล้ยยย
     ก่อนจะไป เราก็ต้องเก็บกระเป๋ากันก่อน 2 วัน 1 คืน ก็น่าจะสบายใจได้ไม่น้อย เก็บกระเป๋าไม่พอ สิ่งที่สำคคัญที่สุด คือ เงิน 5555 ขาดเงินไปเหมือนขาดใจ 
    เริ่มการเดินทาง ขับรถไปเลยครัช ยาวๆไป จนถึง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี แวะมั่งก็ได้ ถ้าปวดฉิ้งฉ่อง 5 5 อ๊ะอ๋าา ยังไม่มีที่พักใช่ไหม อย่ากังวลไป เราของแนะนำนี่เลยย อารยารีสอร์ท โขงเจียม 500 ถนนภู่กำชัย ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ราคาเป็นกันเอง สบายกระเป๋าสุด มีทั้งแบบเป็นบ้าน และเป็นห้องให้เลือกมากมาย บรรยากาศร่มรื่น ห้องพักสะอาด ติดริมโขงสุดๆ มีสระว่ายน้ำด้วย ชิวสุดๆ ตามรูปไปเล้ยย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อารยารีสอร์ท โขงเจียมผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อารยารีสอร์ท โขงเจียม

          ได้ที่พักกันแล้ว ออกไปเปิดหู เปิดตากันเถอะ ล่องเรือชมแม่น้ำโขงกัน บรรยากาศยามเย็นๆ ลมพัดสบาย สองข้างทางระหว่างล่องเรือ มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นสลับกันไป ฝั่งหนึ่งประเทศลาว ฝั่งหนึ่งประเทศไทย ฟินมั้ยหล่ะ ไปที่เดียวเห็นตั้ง 2 ประเทศ

ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า, เมฆ, ต้นไม้, ต้นพืช, สถานที่กลางแจ้ง, ธรรมชาติ และ น้ำ
       
          ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ อิ่มเอิบใจ หิวแล้วก็หารอะไรกินสักหน่อย ต้องขับรถย้อนกลับเข้าไป ไม่แน่ใจว่ากี่กิโล แต่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ร้านอาหารมีให้เลือกมากมาย ชอบตรงไหนไปทานตรงนั้นเลยย ^^ เสร็จเรียบร้อยกลับห้องพัก รอตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันเถอะ สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ เหมือนกันนะขอบอกๆ

ในภาพอาจจะมี ต้นไม้ และ สถานที่กลางแจ้งผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อารยารีสอร์ท โขงเจียม
                                                                (ที่มา: http://www.southlaostour.com/Hotel-Booking-.html )



วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560



          บกเป้ใบเดียว ไปกับใจว่างๆสบาย ในวันหยุดชิวๆ ไปเรื่อยๆเหมือนรถขายโอ่ง เหนื่อยก็พัก อยากก็ไปต่อ วันนี้จะมาเสนอที่เที่ยวชิวๆ ในวันหยุด ที่แรกก็ต้องเข้าวัดเข้าวากันก่อน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเรา เก็บกระเป๋าไปเลย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระธาตุเรืองรอง



วัดพระธาตุเรืองรอง จ.ศรีสะเกษ


          านที่ท่องเที่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองศรีสะเกษ ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 8 กิโลเมตร สามารถขับมอไซต์ไปได้แบบสบายๆ ชิวๆ แต่อย่าลืม!! แดดแระเทศศรีสะเกษ ร้อนแรงกว่าที่คุณคิด



          
          บริเวณภายนอกบรรยากาศดี เดินไปเรื่อยๆ ในแต่ล่ะชั้นเราก็จะได้ทำบุญทำให้เบิกบานจิตใจ ถ่ายรูปเพลินๆจนมาถึงชั้นสุดท้าย ลมพัดเย็นๆ ทำการกราบพระบรมสารีริกธาตุเรียบร้อย ก็เดินถ่ายรูปวนไปสิฮ่ะ





          สีท้องฟ้าตัดกันกับสีของวัด มองดูแล้วรู้สึกจิตใตสบาย ผ่อนคลายย ได้ทั้งบุญได้ทั้งความชิวกันเลยทีเดียว